1.backupหมายถึง : สำเนาของโปรแกรม แผ่นดิสก์ หรือข้อมูล ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อประกันว่าโปรแกรม แผ่นดิสก์ หรือข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกลบเลือนไปเมื่อโปรแกรม แผ่นดิสก์ หรือข้อมูลที่กำลังใช้อยู่นั้นถูกทำลายไป
2.BAK fileหมายถึง : แฟ้มข้อมูลสำรองซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยอัตโนมัติ หรือโดยการใช้คำสั่ง (command) ซึ่งมีชื่อแฟ้มข้อมูลอย่างเดียวกัน และต่อท้ายด้วย BAK. เช่น ชื่อแฟ้มข้อมูล (datafile) ว่า VERB.DOC แฟ้มข้อมูลสำรองจะมี ชื่อว่า VERB.BAK
3.bandwidthหมายถึง : ในการสื่อสาร ความกว้างของช่วงคลื่น วัดจากช่วงของความถี่สูงที่สุดมาหาความถี่ต่ำที่สุดในช่วงความถี่ของคลื่นขนาดใดขนาดหนึ่ง เช่น ช่วงความกว้างของคลื่นของระบบโทรศัพท์ที่ความถี่ 3000 Hz จะอยู่ระหว่างความถี่ต่ำสุด 300 Hz กับความถี่สูงสุด 3300 Hz
4.bar codeหมายถึง : รหัสพิเศษชนิดหนึ่ง ที่พิมพ์ติดเอาไว้ไว้บนสินค้า (หรือสิ่งอื่นใด) ในลักษณะเป็นชุด
ของเส้นตรงตั้งเรียงกัน เส้นตรงเหล่านั้น มีความกว้างแตกต่างกัน ใช้ในการตรวจสอบที่ถูกต้องอย่างไม่มีผิดพลาดได้อย่างรวดเร็ว มักใช้ตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาเก็ต ห้องสมุด และอื่นๆ
5.baselineหมายถึง : เส้นบรรทัดโดยสมมุติว่าเป็นแนวของตัวอักษรในบรรทัด ซึ่งตัวอักษรในบรรทัดนั้นทุกตัวตั้งบนเส้น baseline หรือเส้นบรรทัดนี้แต่จะมีตัวอักษรบางตัวที่มีหางยื่นล้ำแนวเส้น baseline ลงไปบ้าง
6.BASICหมายถึง : เป็นคำย่อของชื่อภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาหนึ่ง คือ Beginner’s All-purpose Symbolic Instruction Code ภาษาเบสิกนับเป็นภาษาระดับสูงภาษาหนึ่ง พัฒนาขึ้นโดย John Kemeny และ Thomas Kurtz ที่วิทยาลัย Dartmouth ประมาณกลางๆ คริสต์ทศวรรษที่ 1960 ภาษาเบสิกภาษาที่เรียนรู้ได้ง่าย และใช้ได้กับงานด้านต่างๆ เกือบทุกงาน ภาษาเบสิกเป็นภาษาที่ใช้สอนนักเขียนโปรแกรมตอนแรกๆ
7.batchหมายถึง : กลุ่มของเอกสารหรือกลุ่มของระเบียนข้อมูล (data record) ซึ่งถูกนำมาประมวลผลในฐานะเป็นหน่วยเดียวกัน
8.batch fileหมายถึง : โปรแกรมแบทช์ (batch program) ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นภาษา ASCll ซึ่งบรรจุไว้ด้วยคำสั่งในการทำงานตามลำดับ ดูเพิ่มเติม AUTOEXEC.BAT
9.batch processingหมายถึง : ในไมโครคอมพิวเตอร์ การใช้กลุ่มแฟ้มข้อมูล (batch file) โดยข้อมูลในแต่ละแฟ้มจะถูกนำออกมาใช้ประมวลผล็อย่างต่อเนื่องกัน โดยผู้ใช้ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ; ในคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ หมายถึง การประมวลผลโปรแกรมและข้อมูลที่ผู้ใช้นำเข้าเป็นชุด โดยการให้มันทำงานครั้งละ หนึ่งโปรแกรม หรือครั้งละ 2 - 3 โปรแกรม
10.baudหมายถึง : การวัดความเร็วในการถ่ายทอดข้อมูลอย่างหนึ่ง ซึ่งตั้งชื่อตามวิศวกรและผู้ประดิษฐ์โทรเลข ชาวฝรั่งเศส ชื่อว่า ยังมอริส - อีมิล โบด็อท (jean - Maurice - Emile Baudot) เดิมใช้วัดความเร็วของการส่งโทรเลข ปัจจุบันใช้วัดความเร็วของการถ่ายทอดสัญญาณของโมเด็ม (modem)
วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556
คำศัพท์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ครั้งที่ 9
1.FIBER OPTIC NETWORK : ระบบเครือข่ายความเร็วสูงที่ใช้เส้นใยแก้วนำแสงและเทคโนโลยีของเลเซอร์ในการส่งข้อมูล
2.MAC Address : เป็นรหัส HEX (เลขฐาน16) มี 12 ดิจิต ซึ่งมีมาตรฐานการออกตัวเลขที่ไม่ซ้ำกันติดมากับอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค ได้แก่ NIC (Network Interface Card) ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระบบเน็ตเวิร์ค โดยเฉพาะปัจจุบัน ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP เพื่อเก็บค่า MAC Address ไว้เพื่อติดต่อทางเครือข่ายโดยมีโปรโตคอล ARP ไว้ทำการบรอดแคช หา MAC Address เก็บไว้เพื่อทำการรับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
3.Twis pair :สายสัญญาณตีเกลียว
4.WAN :เทคโนโลยีการเชื่อมโยงระหว่างระบบเครืออข่ายระยะไกล
5.Wirless:เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลโดยอาศัยคลื่นวิทยุ
6.Wireless Fidelity (Wi – Fi): มาตราฐานที่รับรองโดย WECA เพื่อรับรองว่าอุปกรณ์ Wireless LAN ที่ได้รับโลโก้ Wi – Fi สามารถทำงานร่วมกันได้และสนับสนุนมาตราฐาน IEEE802.11 b7.Firewall Security คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ป้องกันการบุกรุก จากบุคคลภายนอก ที่เข้ามาในระบบเครือข่าย หรือ ภายใน ส่งข้อมูล ออกนอกเครือข่าย สามารถตรวจจับ และ บันทึกเหตุการไว้ เพื่อให้ง่ายแก่การตรวจสอบในภายหลัง
8.Proxy Server คือเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ ติดตั้งโปรแกรม Proxy ไว้สำหรับเก็บบันทึกการเรียกใช้บริการ www ทำให้สามารถเรียกใช้บริการจาก อินเตอร์เนตได้รวดเร็วขึ้นเนื่องจากว่า ได้เรียกใช้ภายในระบบเดียวกัน ซึ่งมีความเร็วสูงกว่าการเรียกใช้งานผ่านอินเตอร์เนตโดยตรง ช่วยลดปัญหาการสื่อสารผ่านอินเตอร์เนตลงได้ ทำให้ความเร็วในการเรียกใช้บริการอินเตอร์เนตสูงขั้น และ ยังสามารถกำหนดสิทธิของ ผู้ใช้ง่นภายในเครือข่ายได้ เช่น จำกัดสิทธิในการใช้บริการ บางเว็ปไซท์ หรือ จะต้องมีรหัส จึงจะสามารถใช้งานได้
9.WAN Wide Area Network ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่กว่า LAN สามารถติดต่ไปยังเครือข่ายภายนอกได้ทั่วโลก
10.Network Access Layer คือ โปรโตคอลที่ใช้ในการจัดส่งเฟรมข้อมูล โดยพิจารณาว่ามีการส่งเฟรมข้อมูลไปบนระบบเครือข่ายทางกายภาพอย่างไร จึงจะใช้การกำหนดที่อยู่อย่างถาวรให้กับการ์ดเชื่อมต่อระบบเครือข่าย
8.Proxy Server คือเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ ติดตั้งโปรแกรม Proxy ไว้สำหรับเก็บบันทึกการเรียกใช้บริการ www ทำให้สามารถเรียกใช้บริการจาก อินเตอร์เนตได้รวดเร็วขึ้นเนื่องจากว่า ได้เรียกใช้ภายในระบบเดียวกัน ซึ่งมีความเร็วสูงกว่าการเรียกใช้งานผ่านอินเตอร์เนตโดยตรง ช่วยลดปัญหาการสื่อสารผ่านอินเตอร์เนตลงได้ ทำให้ความเร็วในการเรียกใช้บริการอินเตอร์เนตสูงขั้น และ ยังสามารถกำหนดสิทธิของ ผู้ใช้ง่นภายในเครือข่ายได้ เช่น จำกัดสิทธิในการใช้บริการ บางเว็ปไซท์ หรือ จะต้องมีรหัส จึงจะสามารถใช้งานได้
9.WAN Wide Area Network ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่กว่า LAN สามารถติดต่ไปยังเครือข่ายภายนอกได้ทั่วโลก
10.Network Access Layer คือ โปรโตคอลที่ใช้ในการจัดส่งเฟรมข้อมูล โดยพิจารณาว่ามีการส่งเฟรมข้อมูลไปบนระบบเครือข่ายทางกายภาพอย่างไร จึงจะใช้การกำหนดที่อยู่อย่างถาวรให้กับการ์ดเชื่อมต่อระบบเครือข่าย
วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556
สรุปหลัง Mid-term
1. คำศัพท์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
1.1 การส่งสัญญาณ Multicast คือ เป็นการสื่อสารระหว่างผู้ส่ง 1 ราย กับผู้รับหลายรายบนระบบเครือข่าย การส่งข้อมูลไปยังจุดหนึ่งไปได้ทางหลายๆ จุด ดังนั้น การส่งข้อมูลแบบ Multicast จะต้องส่งโดยใช้ Multicast Address ที่เป็น IP Address ที่อยู่ในคลาส D เครื่องที่จะส่งหรือรับข้อมูลได้นั้นจะต้องอยู่ใน Multicast Group เท่านั้น
1.2 Proxy Server คือ ให้บริการเก็บข้อมูล เว็บไซต์ต่างๆ ที่ได้มีการเรียกใช้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่เคยถูกเรียกใช้นั้นไว้ในเครื่อง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ข้อมูลนั้นซ้ำได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเรียกข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลภายนอกและเป็นการลดปริมาณการจราจรของข้อมูลที่วิ่งบนระบบเครือข่ายที่ออกไปนอกเครือข่าย
1.3 สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) คือ สายที่ข้างในมีสายเส้นเล็กอยู่ 8 เส้น ตีเกลียวเป็นคู่มีอยู่ 4 คู่ การตีเกลียวคู่เป็นการลดสัญญาณรบกวนของข้อมูล การใช้งานจะต้องมีการแค้มหัว RJ-45 เข้ากับสาย UTP หรือที่เราเรียกว่า สายแลน แล้วนำไปเสียบเข้ากับ Hub มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 10/100 Mbps ข้อเสียของสาย UTP คือ ไม่สามารถส่งข้อมูลในระยะที่เกิน 100 เมตรได้ดีพอ ถ้าระยะไกลกว่านี้จะทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตจะหลุดบ่อย
1.4 มาตรฐาน 802.11g คือ ใช้ความถี่ 2.4 GHz สามารถรับ-ส่งข้อมูลที่ความเร็ว 36-54 Mbps มาตรฐาน 802.11g นี้ ปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้ของผู้ใช้จำนวนมากและเข้ามาแทนมาตรฐาน 802.11b ที่มีความเร็วต่ำกว่า
1.5 Firewall คือ ระบบรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มีทั้งอุปกรณ์ซอต์ฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ โดยหน้าที่หลักๆ ของ Firewall จะทำหน้าที่ควบคุมการใช้งานของ Network ต่างๆ ว่า ใคร ไปที่ไหน ด้วยบริการอะไร
1.6 Cloud Computing คือ การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ เป็นลักษณะการทำงานของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่ให้บริการใดบริการหนึ่งแก่ผู้ใช้ โดยผู้ให้บริการจะแบ่งปันทรัพยากรแก่ผู้ที่ต้องการใช้งาน
1.7 ISP (Internet Service Provider) คือ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต การให้บริการทางอินเตอร์เน็ต การดูแลเว็บไซต์ การตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านออกไปลงในเว็บ โดยผู้ให้บริการจะเชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลที่เหมาะสมในการส่งผ่านอุปกรณ์โปรโตคอลอินเตอร์เน็ต
![]()
1.8 Corer Layer คือ เป็นศูนย์กลางของระบบ Network หน้าที่หลักของ Layer นี้คือทำสิ่งที่เรียกว่า Forword Packet โดยตัวมันจะรับ Packet ที่อยู่ใน Layer ต่างๆ มาแล้วทำการ Forword ออกไป โดยบนตัวมันจะบรรจุเส้นทางหรือ Routing Table เพื่อที่จะได้ทำการ Forword Packet ไปยัง Network ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง Core Layer นี้เหมาะสำหรับการออกแบบในระบบ network ที่มีขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย
1.9 Star Topology คือ เป็นรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางตัวหนึ่งที่เรียกว่า ฮับ หรือสวิตซ์ หรือเครื่องๆหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาณที่มาจากเครื่องต่างๆ ในเครือข่ายและควบคุมเส้นทางการสื่อสารทั้งหมด เมื่อมีเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอื่นๆ ที่ต้องการในเครือข่าย เครื่องนั้นก็จะต้องส่งข้อมูลมายัง Hub หรืเครื่องศูนย์กลางก่อน แล้ว Hub ก็จะทำหน้าที่กระจายข้อมูลนั้นไปในเครือข่ายต่อไป
1.10 สถาปัตยกรรม แบบ P2P (Peer to Peer) คือ เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็กและเหมาะกับหน่วยงานที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to Peer นี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้ software ที่ใช้คือ Windows การติดตั้งเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า Lan Card ในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ และต่อสายแลนเข้าไปสู่ อุปกรณ์ที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกว่า Hub หากเปรียบเทียบแล้วเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ Peer to Peer จะมีการทำงานในลักษณะที่เป็น Decentralization ส่วนระบบ Client Server มีการทำงานเป็นแบบ Centralization
2. หลักการออกแบบระบบเครือข่ายต้องคำนึงถึงคุณสมบัติ 4 ประการ ได้แก่
2.1 Fualt Tolerance คือ ความสามารถของระบบที่จะทำงานต่อไปได้ ในสภาวะที่มีความเสียหายเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมาย คือป้องกันการล้มเหลวของการทำงานของระบบเท่าที่สามารถทำได้
2.2 Scalability คือ เป็นการออกแบบเพื่อให้รองรับการขยายตัวระบบ SCADA กับส่วนต่างๆได้
2.3 Quality of Service คือ เป็นตัวกำหนดชุดของคุณสมบัติของประสิทธิภาพของการติดต่อ หรือเรียกว่าเป็นการส่งข้อมูลในเครือข่ายโดยรับประกันว่าการส่งข้อมูลจะเป็นไปตามคุณภาพหรือเงื่อนไขที่ต้องการ
2.4 Security คือ เปรียบเสมือน "ยาม" ที่ช่วยปกป้องจากการทำอันตราย จากสื่อต่างๆที่เรานำเข้ามาเองโดยที่ผู้ใช้ไม่ทันได้ระวัง
3. มาตรฐาน OSI 7 Layer
Layer 7 Application Layer เป็นชั้นที่อยู่บนสุดของขบวนการรับส่งข้อมูล ทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ใช้ โดยจะรับคำสั่งต่างๆ จากผู้ใช้ส่งให้คอมพิวเตอร์แปลความหมาย และทำงานตามคำสั่งที่ได้รับในระดับโปรแกรมประยุกต์ เช่น การแปลความหมายของการกดปุ่มเมาส์ให้เป็นคำสั่งในการก็อปปี้ไฟล์ หรือดึงข้อมูลมาแสดงผลบนจอเป็น Browser เป็นต้น
![]()
Layer 6 Presentation Layer เป็นชั้นที่ทำหน้าที่ตกลงกับคอมพิวเตอร์อีกด้านหนึ่งในชั้นเดียวกันว่า การรับส่งข้อมูลในระดับโปรแกรมประยุกต์จะมีขั้นตอนและข้อบังคับอย่างไร โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ กำหนดรูปแบบการสื่อสาร รวมถึงการเข้ารหัสก็รวมอยู่ใน Layer นี้ด้วย
Layer 5 Session Layer เป็น Layer ที่ควบคุมการสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางแบบ End to End และคอยควบคุมช่องทางการสื่อสารในกรณีที่มีหลายๆโปรเซสต้องการรับข้อมูลพร้อมๆกันบนเครื่องเดียวกัน
Layer 4 Transport Layer คือ Layer ที่มีหน้าที่หลักในการแบ่งข้อมูลใน Layer บนให้เหมาะกับการจัดส่งไปใน Layer ล่าง ซึ่งการแบ่งข้อมูลนี้เรียกว่า Segmentation ทำหน้าที่รวมข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาจาก Layer ล่าง และให้บริการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการส่ง ทำหน้าที่ยืนยันว่าข้อมูลที่ได้ส่งไปถึงยังเครื่องปลายทางและได้รับข้อมูลถูกต้องเรียบร้อยแล้ว หน่วยของข้อมูลที่ถูกแบ่งแล้วเรียกว่า Segment
![]()
Layer 3 Network Layer เป็น Layer ที่มีหน้าที่หลักในการส่ง packet จากเครื่องต้นทางให้ไปถึงเครื่องปลายทางด้วยความพยายามที่ดีที่สุด Layer นี้จะกำหนดให้มีการตั้ง Logical address ขึ้นเพื่อให้ระบุตัวตน Layer นี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ซึ่งที่ทำงานอยู่บน Layer นี้ คือ Router โปรโตคอลที่ทำงานใน Layer นี้จะไม่ทราบว่า Packet จริงๆ แล้วไปถึงเครื่องปลายทางหรือไม่ หน้าที่ยืนยันว่าข้อมูลได้ไปถึงปลายทางจริงๆ แล้วคือหน้าที่ของ Transport Layer หน่วยของ Layer นี้ คือ packet
Layer 2 Data Link Layer คือ Layer ที่รับผิดชอบในการส่งข้อมูลบน network แต่ละประเภท เช่น Ethernet, Token Ring หรือ WAN ต่างๆ ดูแลเรื่องการห่อหุ้มข้อมูลจาก Layer บนเช่น packet IP ไว้ภายในเฟรม และส่งจากต้นทางไปยังอุปกรณ์ตัวถัดไป Layer นี้จะเข้าใจถึงกลไกและอัลกอริทึมรวมทั้ง format จอง frame ที่ต้องใช้ใน network ประเภทต่างๆ เป็ฯอย่างดี
Layer 1 Physical Layer คือ Layer ที่เกี่ยวกับเรื่องข้อกำหนดมาตรฐานคุณสมบัติทางกายภาพของ ฮาร์ดแวร์ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 ระบบ สัญญาณทางไฟฟ้าและการเชื่อมต่อต่างๆ ของสายเคเบิล คอนเน็คเตอร์ต่างๆ สายที่ใช้รับข้อมูลเป็นแบบไหน ข้อต่อที่ใช้มีมาตรฐานอย่างไร ความเร็วในการส่งเท่าไหร่ Layer 1 นี้จะมองเห็นข้อมูลเป็นการรับ-ส่งทีละ bit เรียงต่อกันไปโดยไม่มีการพิจารณาเรื่องความหมายของข้อมูลเลย หากการรับส่งข้อมูลมีปัญหาเนื่องจากฮาร์ดแวร์ Layer นี้จะตรวจสอบและแจ้งข้อผิดพลาดให้ชั้นอื่นๆที่อยู่เหนือขึ้นไปทราบ
4. ประโยชน์ของระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล
1. สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารข้อมูลได้รวดเร็ว
2. ทำให้มีความถูกต้องของข้อมูลมากขึ้น
3. ทำให้มีความรวดเร็วในการทำงาน
4. ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
5. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่าย
6. สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้
7. สามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้
1.1 การส่งสัญญาณ Multicast คือ เป็นการสื่อสารระหว่างผู้ส่ง 1 ราย กับผู้รับหลายรายบนระบบเครือข่าย การส่งข้อมูลไปยังจุดหนึ่งไปได้ทางหลายๆ จุด ดังนั้น การส่งข้อมูลแบบ Multicast จะต้องส่งโดยใช้ Multicast Address ที่เป็น IP Address ที่อยู่ในคลาส D เครื่องที่จะส่งหรือรับข้อมูลได้นั้นจะต้องอยู่ใน Multicast Group เท่านั้น
1.2 Proxy Server คือ ให้บริการเก็บข้อมูล เว็บไซต์ต่างๆ ที่ได้มีการเรียกใช้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่เคยถูกเรียกใช้นั้นไว้ในเครื่อง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ข้อมูลนั้นซ้ำได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเรียกข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลภายนอกและเป็นการลดปริมาณการจราจรของข้อมูลที่วิ่งบนระบบเครือข่ายที่ออกไปนอกเครือข่าย
1.3 สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) คือ สายที่ข้างในมีสายเส้นเล็กอยู่ 8 เส้น ตีเกลียวเป็นคู่มีอยู่ 4 คู่ การตีเกลียวคู่เป็นการลดสัญญาณรบกวนของข้อมูล การใช้งานจะต้องมีการแค้มหัว RJ-45 เข้ากับสาย UTP หรือที่เราเรียกว่า สายแลน แล้วนำไปเสียบเข้ากับ Hub มีความเร็วในการรับส่งข้อมูล 10/100 Mbps ข้อเสียของสาย UTP คือ ไม่สามารถส่งข้อมูลในระยะที่เกิน 100 เมตรได้ดีพอ ถ้าระยะไกลกว่านี้จะทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตจะหลุดบ่อย
1.4 มาตรฐาน 802.11g คือ ใช้ความถี่ 2.4 GHz สามารถรับ-ส่งข้อมูลที่ความเร็ว 36-54 Mbps มาตรฐาน 802.11g นี้ ปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้ของผู้ใช้จำนวนมากและเข้ามาแทนมาตรฐาน 802.11b ที่มีความเร็วต่ำกว่า
1.5 Firewall คือ ระบบรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มีทั้งอุปกรณ์ซอต์ฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ โดยหน้าที่หลักๆ ของ Firewall จะทำหน้าที่ควบคุมการใช้งานของ Network ต่างๆ ว่า ใคร ไปที่ไหน ด้วยบริการอะไร
1.6 Cloud Computing คือ การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ เป็นลักษณะการทำงานของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่ให้บริการใดบริการหนึ่งแก่ผู้ใช้ โดยผู้ให้บริการจะแบ่งปันทรัพยากรแก่ผู้ที่ต้องการใช้งาน
1.7 ISP (Internet Service Provider) คือ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต การให้บริการทางอินเตอร์เน็ต การดูแลเว็บไซต์ การตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านออกไปลงในเว็บ โดยผู้ให้บริการจะเชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับเทคโนโลยีรับส่งข้อมูลที่เหมาะสมในการส่งผ่านอุปกรณ์โปรโตคอลอินเตอร์เน็ต
1.8 Corer Layer คือ เป็นศูนย์กลางของระบบ Network หน้าที่หลักของ Layer นี้คือทำสิ่งที่เรียกว่า Forword Packet โดยตัวมันจะรับ Packet ที่อยู่ใน Layer ต่างๆ มาแล้วทำการ Forword ออกไป โดยบนตัวมันจะบรรจุเส้นทางหรือ Routing Table เพื่อที่จะได้ทำการ Forword Packet ไปยัง Network ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง Core Layer นี้เหมาะสำหรับการออกแบบในระบบ network ที่มีขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย
1.9 Star Topology คือ เป็นรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางตัวหนึ่งที่เรียกว่า ฮับ หรือสวิตซ์ หรือเครื่องๆหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาณที่มาจากเครื่องต่างๆ ในเครือข่ายและควบคุมเส้นทางการสื่อสารทั้งหมด เมื่อมีเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอื่นๆ ที่ต้องการในเครือข่าย เครื่องนั้นก็จะต้องส่งข้อมูลมายัง Hub หรืเครื่องศูนย์กลางก่อน แล้ว Hub ก็จะทำหน้าที่กระจายข้อมูลนั้นไปในเครือข่ายต่อไป
1.10 สถาปัตยกรรม แบบ P2P (Peer to Peer) คือ เป็นระบบเครือข่ายขนาดเล็กและเหมาะกับหน่วยงานที่มีคอมพิวเตอร์น้อยกว่า 10 เครื่อง ระบบ Peer to Peer นี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง สามารถเข้าไปใช้ไฟล์ที่เก็บบนเครื่องไหนก็ได้ software ที่ใช้คือ Windows การติดตั้งเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เรียกว่า Lan Card ในแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์ และต่อสายแลนเข้าไปสู่ อุปกรณ์ที่เป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกว่า Hub หากเปรียบเทียบแล้วเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ Peer to Peer จะมีการทำงานในลักษณะที่เป็น Decentralization ส่วนระบบ Client Server มีการทำงานเป็นแบบ Centralization
2. หลักการออกแบบระบบเครือข่ายต้องคำนึงถึงคุณสมบัติ 4 ประการ ได้แก่
2.1 Fualt Tolerance คือ ความสามารถของระบบที่จะทำงานต่อไปได้ ในสภาวะที่มีความเสียหายเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมาย คือป้องกันการล้มเหลวของการทำงานของระบบเท่าที่สามารถทำได้
2.2 Scalability คือ เป็นการออกแบบเพื่อให้รองรับการขยายตัวระบบ SCADA กับส่วนต่างๆได้
2.3 Quality of Service คือ เป็นตัวกำหนดชุดของคุณสมบัติของประสิทธิภาพของการติดต่อ หรือเรียกว่าเป็นการส่งข้อมูลในเครือข่ายโดยรับประกันว่าการส่งข้อมูลจะเป็นไปตามคุณภาพหรือเงื่อนไขที่ต้องการ
2.4 Security คือ เปรียบเสมือน "ยาม" ที่ช่วยปกป้องจากการทำอันตราย จากสื่อต่างๆที่เรานำเข้ามาเองโดยที่ผู้ใช้ไม่ทันได้ระวัง
3. มาตรฐาน OSI 7 Layer
Layer 6 Presentation Layer เป็นชั้นที่ทำหน้าที่ตกลงกับคอมพิวเตอร์อีกด้านหนึ่งในชั้นเดียวกันว่า การรับส่งข้อมูลในระดับโปรแกรมประยุกต์จะมีขั้นตอนและข้อบังคับอย่างไร โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ กำหนดรูปแบบการสื่อสาร รวมถึงการเข้ารหัสก็รวมอยู่ใน Layer นี้ด้วย
Layer 5 Session Layer เป็น Layer ที่ควบคุมการสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางแบบ End to End และคอยควบคุมช่องทางการสื่อสารในกรณีที่มีหลายๆโปรเซสต้องการรับข้อมูลพร้อมๆกันบนเครื่องเดียวกัน
Layer 4 Transport Layer คือ Layer ที่มีหน้าที่หลักในการแบ่งข้อมูลใน Layer บนให้เหมาะกับการจัดส่งไปใน Layer ล่าง ซึ่งการแบ่งข้อมูลนี้เรียกว่า Segmentation ทำหน้าที่รวมข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาจาก Layer ล่าง และให้บริการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการส่ง ทำหน้าที่ยืนยันว่าข้อมูลที่ได้ส่งไปถึงยังเครื่องปลายทางและได้รับข้อมูลถูกต้องเรียบร้อยแล้ว หน่วยของข้อมูลที่ถูกแบ่งแล้วเรียกว่า Segment
Layer 3 Network Layer เป็น Layer ที่มีหน้าที่หลักในการส่ง packet จากเครื่องต้นทางให้ไปถึงเครื่องปลายทางด้วยความพยายามที่ดีที่สุด Layer นี้จะกำหนดให้มีการตั้ง Logical address ขึ้นเพื่อให้ระบุตัวตน Layer นี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ซึ่งที่ทำงานอยู่บน Layer นี้ คือ Router โปรโตคอลที่ทำงานใน Layer นี้จะไม่ทราบว่า Packet จริงๆ แล้วไปถึงเครื่องปลายทางหรือไม่ หน้าที่ยืนยันว่าข้อมูลได้ไปถึงปลายทางจริงๆ แล้วคือหน้าที่ของ Transport Layer หน่วยของ Layer นี้ คือ packet
Layer 2 Data Link Layer คือ Layer ที่รับผิดชอบในการส่งข้อมูลบน network แต่ละประเภท เช่น Ethernet, Token Ring หรือ WAN ต่างๆ ดูแลเรื่องการห่อหุ้มข้อมูลจาก Layer บนเช่น packet IP ไว้ภายในเฟรม และส่งจากต้นทางไปยังอุปกรณ์ตัวถัดไป Layer นี้จะเข้าใจถึงกลไกและอัลกอริทึมรวมทั้ง format จอง frame ที่ต้องใช้ใน network ประเภทต่างๆ เป็ฯอย่างดี
Layer 1 Physical Layer คือ Layer ที่เกี่ยวกับเรื่องข้อกำหนดมาตรฐานคุณสมบัติทางกายภาพของ ฮาร์ดแวร์ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 ระบบ สัญญาณทางไฟฟ้าและการเชื่อมต่อต่างๆ ของสายเคเบิล คอนเน็คเตอร์ต่างๆ สายที่ใช้รับข้อมูลเป็นแบบไหน ข้อต่อที่ใช้มีมาตรฐานอย่างไร ความเร็วในการส่งเท่าไหร่ Layer 1 นี้จะมองเห็นข้อมูลเป็นการรับ-ส่งทีละ bit เรียงต่อกันไปโดยไม่มีการพิจารณาเรื่องความหมายของข้อมูลเลย หากการรับส่งข้อมูลมีปัญหาเนื่องจากฮาร์ดแวร์ Layer นี้จะตรวจสอบและแจ้งข้อผิดพลาดให้ชั้นอื่นๆที่อยู่เหนือขึ้นไปทราบ
4. ประโยชน์ของระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล
1. สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารข้อมูลได้รวดเร็ว
2. ทำให้มีความถูกต้องของข้อมูลมากขึ้น
3. ทำให้มีความรวดเร็วในการทำงาน
4. ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
5. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่าย
6. สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้
7. สามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้
วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556
คำศัพท์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ครั้งที่ 8
1. Cellular Radio หมายถึง คลื่นวิทยุ เป็นลักษณะของระบบสื่อสารวิทยุ เป็นสื่อกลางการสื่อสารแบบไร้สาทยที่สามารถแพร่ได้บนระยะทางไกล เช่น ระหว่างเมืองหรือระหว่างประเทศ คลื่นวิทยุมีความเร็วค่อนข้างต่ำ ทั้งไวต่อสัญญาณรบกวน แต่มีข้อดีคือ มีความยืดหยุ่นสูง สะดวกต่อการใช้งานและผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
2. Satellite คือ สัญญาณดาวเทียม เป็นลักษณะของการรับส่งสัญญาณข้อมูลอาจจะเป็นแบบจุดต่อจุด (Point-to-Point) หรือแบบแพร่สัญญาณ (Broadcast) สถานีดาวเทียม 1 ดวงสามารถมีเครื่องทบทวนสัญญาณดาวเทียมได้ถึง 25 เครื่อง และสามารถครอบคลุมพื้นที่การส่งสัญญาณได้ถึง 1 ใน 3 ของพื้นผิวโลก
3. Token Ring เป็นการต่อ LAN ในแบบ ring และใช้การควบคุมแบบ token-passing ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ไอบีเอ็ม โดยในรุ่นแรกจะมีความเร็วเพียง 4 Mbps แต่ต่อมาได้ปรับปรุงเป็น 16 Mbps สายที่ใช้จะเป็นแบบพิเศษมี 2 คู่ ต่อเข้ากับอุปกรณ์รวมสายที่เรียกว่า MAU (Multiple Access Unit) ซึ่ง1 ตัวต่อได้ 8 เครื่อง และพ่วงระหว่าง MAU แต่ละตัวเข้าด้วยกันได้อีก
4. Peer to Peer Network หมายถึง เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันโดยเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะสามารถแบ่งทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์หรือเครื่องพิมพ์ซึ่งกันและกันภายในเครือข่ายได้ เครื่องแต่ละเครื่องจะทำงานในลักษณะที่ทัดเทียมกัน
5. Open Systems Intercommect Model : OSI หมายถึง แบบจำลองที่อธิบานโครงสร้างการทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งออกเป็น 7 เลเยอร์ ที่มีหน้าที่ต่างๆ กัน โดยได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยประกอบไปด้วยเลเยอร์ Application, Presentation, Sesson, Transport, Network, Data Link และ Physical
6. Intitute of Electrical and Electronics Engineers : IEEE หมายถึง องค์กรสากลที่สร้างและพัฒนามาตรฐานด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงการสื่อสารและวิทยาการคอมพิวเตอร์มีการประกาศมาตรฐานต่างๆ ไว้มากกว่า 900 มาตรฐาน
7. Cache หมายถึง ระบบย่อยของหน่วยความจำอย่างหนึ่งซึ่งใช้ค่าของข้อมูลบ่อยๆ จึงมีการคัดลอกข้อมูลเอาไว้นี้ เพื่อความสะดวกในการใช้หน่วยความจำของ cache จะเก็บข้อมูลที่ใช้บ่อยๆ เข้าสู่ RAM ทั้งตำแหน่งและสังกัดที่เก็บข้อมูลอยู่ เมื่อการประมวลผลต้องการข้อมูลที่อยู่ ณ สังกัดนั้น ๆ ในหน่วยความจำ
8. CAD (Computer Aided Design) หมายถึง เป็นชื่อของโปรแกรมปฏิบัติการชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้ในการออกแบบวิศวกรรม สถาปัตยกรรม หรือรูปแบบต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์แบบที่ออกโดย CAD จะเป็นสองหรือสามมิติ
9. CAM (Computer aided Manu facturing) หมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมงานผลิตภัณฑ์อย่างอัตโนมัติ
10. Carrier system หมายถึง ระบบการสื่อสาร เป็นวิธีการสื่อสารซึ่งใช้ความถี่ต่างๆกัน เพื่อส่งผ่านหรือถ่ายทอดสารสนเทศไปตามช่องสัญญาณการสื่อสารแต่ละช่อง
2. Satellite คือ สัญญาณดาวเทียม เป็นลักษณะของการรับส่งสัญญาณข้อมูลอาจจะเป็นแบบจุดต่อจุด (Point-to-Point) หรือแบบแพร่สัญญาณ (Broadcast) สถานีดาวเทียม 1 ดวงสามารถมีเครื่องทบทวนสัญญาณดาวเทียมได้ถึง 25 เครื่อง และสามารถครอบคลุมพื้นที่การส่งสัญญาณได้ถึง 1 ใน 3 ของพื้นผิวโลก
3. Token Ring เป็นการต่อ LAN ในแบบ ring และใช้การควบคุมแบบ token-passing ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ไอบีเอ็ม โดยในรุ่นแรกจะมีความเร็วเพียง 4 Mbps แต่ต่อมาได้ปรับปรุงเป็น 16 Mbps สายที่ใช้จะเป็นแบบพิเศษมี 2 คู่ ต่อเข้ากับอุปกรณ์รวมสายที่เรียกว่า MAU (Multiple Access Unit) ซึ่ง1 ตัวต่อได้ 8 เครื่อง และพ่วงระหว่าง MAU แต่ละตัวเข้าด้วยกันได้อีก
4. Peer to Peer Network หมายถึง เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันโดยเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะสามารถแบ่งทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์หรือเครื่องพิมพ์ซึ่งกันและกันภายในเครือข่ายได้ เครื่องแต่ละเครื่องจะทำงานในลักษณะที่ทัดเทียมกัน
5. Open Systems Intercommect Model : OSI หมายถึง แบบจำลองที่อธิบานโครงสร้างการทำงานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยแบ่งออกเป็น 7 เลเยอร์ ที่มีหน้าที่ต่างๆ กัน โดยได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นโดยประกอบไปด้วยเลเยอร์ Application, Presentation, Sesson, Transport, Network, Data Link และ Physical
6. Intitute of Electrical and Electronics Engineers : IEEE หมายถึง องค์กรสากลที่สร้างและพัฒนามาตรฐานด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงการสื่อสารและวิทยาการคอมพิวเตอร์มีการประกาศมาตรฐานต่างๆ ไว้มากกว่า 900 มาตรฐาน
7. Cache หมายถึง ระบบย่อยของหน่วยความจำอย่างหนึ่งซึ่งใช้ค่าของข้อมูลบ่อยๆ จึงมีการคัดลอกข้อมูลเอาไว้นี้ เพื่อความสะดวกในการใช้หน่วยความจำของ cache จะเก็บข้อมูลที่ใช้บ่อยๆ เข้าสู่ RAM ทั้งตำแหน่งและสังกัดที่เก็บข้อมูลอยู่ เมื่อการประมวลผลต้องการข้อมูลที่อยู่ ณ สังกัดนั้น ๆ ในหน่วยความจำ
8. CAD (Computer Aided Design) หมายถึง เป็นชื่อของโปรแกรมปฏิบัติการชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้ในการออกแบบวิศวกรรม สถาปัตยกรรม หรือรูปแบบต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์แบบที่ออกโดย CAD จะเป็นสองหรือสามมิติ
9. CAM (Computer aided Manu facturing) หมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมงานผลิตภัณฑ์อย่างอัตโนมัติ
10. Carrier system หมายถึง ระบบการสื่อสาร เป็นวิธีการสื่อสารซึ่งใช้ความถี่ต่างๆกัน เพื่อส่งผ่านหรือถ่ายทอดสารสนเทศไปตามช่องสัญญาณการสื่อสารแต่ละช่อง
คำศัพท์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ครั้งที่ 7
1. FTP (File Transfer Protocal) หมายถึง มาตรฐานในการรับส่งข้อมูลผ่านทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มีประสิทธิภาพและความเร็วสูงกว่าการโอนย้ายทาง http:
2. Bandwidth หมายถึง ความเร็วในการรับส่งข้อมูล มีหน่วยเป็น Bits per second
3. ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line) หมายถึง ระบบที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงประเภทหนึ่ง การเชื่อมต่อจะทำการผ่านทางสายโทรศัพท์ จุดเด่นของ ADSL ขณะใช้งาน ยังสามารถใช้โทรศัพท์พร้อมกันได้
4. Leased Line หมายถึง การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอีกประเภทหนึ่ง (นอกเหนือจาก Dial-up,ADSL) นิยมใช้กับองค์กรที่ต้องการความเร็วสูง และเป็นช่องสัญญาณส่วนตัว ไม่มีการแบ่งหรือ share กับใคร
5. Web Browser หมายถึง โปรแกรมสำหรับค้นหาข้อมูลทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ท เช่น Internet Explorer, Safari, Firefox เป็นต้น
6. Network Interface Card : NIC หมายถึง การ์ดที่เสียบเข้ากับช่องบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นชุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และเครือข่าย
7. Network Operating System : NOS หมายถึง ระบบปฏิบัติการเครือข่ายเป็นตัวที่คอยจัดการเกี่ยวกับการใช้งานเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละคน หรือเป็นตัวจัดการและควบคุมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ของเครือข่าย
8. Data Terminal Eqipment : DTE หมายถึง เป็นแหล่งกำเนิดและรับข้อมูล เช่น คอมพิวเตอร์ เทอร์มินัล-คอมพิวเตอร์ เมนเฟรม เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
9. Data Communication Equipment : DCE หมายถึง เป็นอุปกรณ์ในการรับ/ส่งข้อมูล เช่น โมเด็ม จานไมโครเวฟ หรือจานดาวเทียม Fiber optic Infrared Wireless เป็นต้น
10. Baseband หมายถึง เป็นการใช้ช่องทางการสื่อสารเพียงช่องเดียวสำหรับการส่งสัญญาณดิจิทัลในแต่ละครั้่งในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักใช้การส่งสัญญาณชนิดนี้ เนื่องจากเป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อนและสามารถจัดการควบคุมง่าย
2. Bandwidth หมายถึง ความเร็วในการรับส่งข้อมูล มีหน่วยเป็น Bits per second
3. ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line) หมายถึง ระบบที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงประเภทหนึ่ง การเชื่อมต่อจะทำการผ่านทางสายโทรศัพท์ จุดเด่นของ ADSL ขณะใช้งาน ยังสามารถใช้โทรศัพท์พร้อมกันได้
4. Leased Line หมายถึง การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอีกประเภทหนึ่ง (นอกเหนือจาก Dial-up,ADSL) นิยมใช้กับองค์กรที่ต้องการความเร็วสูง และเป็นช่องสัญญาณส่วนตัว ไม่มีการแบ่งหรือ share กับใคร
5. Web Browser หมายถึง โปรแกรมสำหรับค้นหาข้อมูลทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ท เช่น Internet Explorer, Safari, Firefox เป็นต้น
6. Network Interface Card : NIC หมายถึง การ์ดที่เสียบเข้ากับช่องบนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นชุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และเครือข่าย
7. Network Operating System : NOS หมายถึง ระบบปฏิบัติการเครือข่ายเป็นตัวที่คอยจัดการเกี่ยวกับการใช้งานเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละคน หรือเป็นตัวจัดการและควบคุมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ของเครือข่าย
8. Data Terminal Eqipment : DTE หมายถึง เป็นแหล่งกำเนิดและรับข้อมูล เช่น คอมพิวเตอร์ เทอร์มินัล-คอมพิวเตอร์ เมนเฟรม เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
9. Data Communication Equipment : DCE หมายถึง เป็นอุปกรณ์ในการรับ/ส่งข้อมูล เช่น โมเด็ม จานไมโครเวฟ หรือจานดาวเทียม Fiber optic Infrared Wireless เป็นต้น
10. Baseband หมายถึง เป็นการใช้ช่องทางการสื่อสารเพียงช่องเดียวสำหรับการส่งสัญญาณดิจิทัลในแต่ละครั้่งในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มักใช้การส่งสัญญาณชนิดนี้ เนื่องจากเป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อนและสามารถจัดการควบคุมง่าย
คำศัพท์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ครั้งที่ 6
1.Backup หมายถึง การสำรอง การสำรองเอาไว้ใช้สำรองโปรแกรมหรือสำรองไว้เพื่อกันโปรแกรมเสียหาย
2. Buffer หมายถึง ที่พักข้อมูล ที่ปรับอัตรา หรือกันชน ใช้พักข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ input/out กับ CPU เป็นพื้นที่สำหรับหน่วยความจำขนาดเล็ก ติดต่อ Buffer สองตัว
3. CAD/CAM หมายถึง การออกแบบและผลิตโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย โดยปกติทั่วไปจะนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบและกระบวนการผลิตของธุรกิจต่างๆ
4. CAI หมายถึง การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย คือ การใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสอน ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้เองโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อ
5. Data base administrator หมายถึง การบริหารฐานข้อมูล เป็นงานที่ใช้สำหรับค้นหา ปรับปรุง แก้ไขการเข้าถึงฐานข้อมูล เป็นการเอาไว้ใช้ฐานข้อมูลโดยใช้ระบบฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การบำรุงรักษา
6. Data base management system หมาถึง ระบบจัดการฐานข้อมูล เป็นโปรแกรมสำหรับจัดการฐานข้อมูล ปรับปรุงข้อมูล การค้นหาข้อมูล ระบบนี้สามารถประมวลผลได้หลายโปรแกรมพร้อมกัน
7. Chanel หมายถึง ช่องสัญญาณหรือร่องข้อมูล เป็นเส้นทางสำหรับการส่งสัญญาณระหว่างคำสั่งและตำแหน่งของข้อมูล แบ่งเป็นแทร็คในเทปแม่เหล็กหรือเรียกว่า แบนด์ในดรัมแม่เหล็ก เป็นอุปกรณ์ที่เป็นตัวนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไปสู่ CPU และจาก CPU ไปสู่อุปกรณ์ต่างๆ
8. Chip หมายถึง ชิป สร้างมาจากซิลิโคนประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และประกอบเป็น integrated
9. Data communications หมายถึง การสื่อสารข้อมูล เป็นวิธีการถ่ายข้อมูลระหว่างการประมวลผลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยทำการโอนถ่ายข้อมูลข่าวสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
10. EPROM หมายถึง หน่วยความจำโปรแกรมลบได้ ลบและอ่านหน่วยความจำได้เพียงอย่างเดียว โดยสามารถเขียนโปรแกรมได้ในเงื่อนไขอย่างจำกัดเพียงครั้งเดียว
2. Buffer หมายถึง ที่พักข้อมูล ที่ปรับอัตรา หรือกันชน ใช้พักข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ input/out กับ CPU เป็นพื้นที่สำหรับหน่วยความจำขนาดเล็ก ติดต่อ Buffer สองตัว
3. CAD/CAM หมายถึง การออกแบบและผลิตโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย โดยปกติทั่วไปจะนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบและกระบวนการผลิตของธุรกิจต่างๆ
4. CAI หมายถึง การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย คือ การใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการสอน ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้เองโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อ
5. Data base administrator หมายถึง การบริหารฐานข้อมูล เป็นงานที่ใช้สำหรับค้นหา ปรับปรุง แก้ไขการเข้าถึงฐานข้อมูล เป็นการเอาไว้ใช้ฐานข้อมูลโดยใช้ระบบฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การบำรุงรักษา
6. Data base management system หมาถึง ระบบจัดการฐานข้อมูล เป็นโปรแกรมสำหรับจัดการฐานข้อมูล ปรับปรุงข้อมูล การค้นหาข้อมูล ระบบนี้สามารถประมวลผลได้หลายโปรแกรมพร้อมกัน
7. Chanel หมายถึง ช่องสัญญาณหรือร่องข้อมูล เป็นเส้นทางสำหรับการส่งสัญญาณระหว่างคำสั่งและตำแหน่งของข้อมูล แบ่งเป็นแทร็คในเทปแม่เหล็กหรือเรียกว่า แบนด์ในดรัมแม่เหล็ก เป็นอุปกรณ์ที่เป็นตัวนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไปสู่ CPU และจาก CPU ไปสู่อุปกรณ์ต่างๆ
8. Chip หมายถึง ชิป สร้างมาจากซิลิโคนประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และประกอบเป็น integrated
9. Data communications หมายถึง การสื่อสารข้อมูล เป็นวิธีการถ่ายข้อมูลระหว่างการประมวลผลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยทำการโอนถ่ายข้อมูลข่าวสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
10. EPROM หมายถึง หน่วยความจำโปรแกรมลบได้ ลบและอ่านหน่วยความจำได้เพียงอย่างเดียว โดยสามารถเขียนโปรแกรมได้ในเงื่อนไขอย่างจำกัดเพียงครั้งเดียว
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)












